แนวข้อสอบ
หลักการเบื้องต้นในการออกแบบระบบไฟฟ้า
1. การออกแบบระบบไฟฟ้า หมายถึง
ตอบ - การพัฒนาแบบแปลน
- หรือวิธีการจ่ายกำลังไฟฟ้า จากจุดจ่ายไฟฟ้า ไปยังอุปกรณ์ใช้กำลังไฟฟ้าต่างๆ
- หรือจ่ายสัญญาณไฟฟ้า ไป จุดรับสัญญาณไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์การใช้งาน
2. การออกแบบระบบไฟฟ้า เป็นงานที่มีลักษณะอย่างไร
ตอบ • เป็นงานที่กว้างขวาง
• ต้องการข้อมูลมากมาย
3. ผู้ออกแบบระบบไฟฟ้า ควรมีคุณสมบัติอย่างไร
ตอบ • ต้องเป็นผู้ใฝ่รู้
• สนใจในวิชาการต่างๆ
4. งานของผู้ออกแบบระบบไฟฟ้า มีกี่กลุ่ม อะไรบ้าง
ตอบ มี 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 1) ระบบไฟฟ้ากำลัง 2) ระบบไฟฟ้าสื่อสาร
5. ระบบไฟฟ้ากำลัง ได้แก่
ตอบ 1.ระบบการจ่ายกำลังไฟฟ้า ( Power Distribution System )
2.ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ( Lighting System )
3.ระบบไฟฟ้าสำรอง ( Standby Power System )
4.ระบบป้องกันฟ้าผ่า ( Lightning Protection System )
5.ระบบการขนส่งแนวดิ่ง ( Vertical Transportation System )
6. ระบบไฟฟ้าสื่อสาร ได้แก่
ตอบ 1. ระบบโทรศัพท์ ( Telephone System )
2. ระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัย ( Fire Alarm System )
3. ระบบเสาอากาศโทรทัศน์รวม ( Master Antenna TV System )
4. ระบบรักษาความปลอดภัย ( Security System )
5. ระบบโทรทัศน์วงจรปิด ( Closed Circuit TV System )
6. ระบบเสียง ( Sound System )
7. ระบบควบคุมอาคารอัตโนมัติ ( Building Automation System )
7. ผู้ออกแบบระบบไฟฟ้า มีหน้าที่อย่างไร
ตอบ 1. พัฒนาแบบระบบไฟฟ้าเพื่อให้สามารถจ่ายไฟฟ้าได้เพียงพอและ มีความปลอดภัยในการใช้งาน
2. ออกแบบระบบไฟฟ้าให้เป็นไปตามข้อกำหนดหรือกฎเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ
3. ทำการออกแบบ ตามความต้องการของเจ้าของ
4. ติดต่อประสานงาน และให้ความร่วมมือกับผู้ออกแบบงาน
ระบบอื่นๆ เพื่อให้อาคารสามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์
5. เขียนรายละเอียดข้อกำหนดต่างๆ ของระบบไฟฟ้า
6. ทำการประมาณราคา
8. แบบระบบไฟฟ้าที่ดี ต้องเป็นอย่างไร
ตอบ 1) ความปลอดภัย ( Safety ) ระบบไฟฟ้ากำลังที่ออกแบบต้องมีความปลอดภัยอย่างสูงต่อ
- ผู้ปฏิบัติงาน
- อุปกรณ์ไฟฟ้า
- สถานที่
2) ค่าลงทุนเริ่มแรกที่ต่ำที่สุด ( Minimum Initial Investment )
• งบประมาณเป็นตัวกำหนดที่สำคัญ
• ต้องพิจารณาถึง
- อุปกรณ์ไฟฟ้า
- การติดตั้ง
- พื้นที่ว่างที่ต้องใช้
- ค่าเริ่มต้นของการใช้จ่าย
3) ระบบไฟฟ้าต้องสามารถจ่ายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ( Maximum Service Continuity ) การจ่าย
ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องและมีความความเชื่อถือได้สูงขึ้นโดย
- จัดให้มีแหล่งจ่ายไฟฟ้ากำลังจากหลายแหล่ง
- จัดให้มีเส้นทางการต่อไปยังโหลดไฟฟ้าได้หลายเส้นทางมากขึ้น
- จัดหาแหล่งที่มีแหล่งกำเนิดไฟฟ้าของตนเอง เช่น มีชุดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง , แบตเตอรี่สำหรับจ่ายระบบไฟฟ้า , ระบบ UPS
- เลือกอุปกรณ์ไฟฟ้าและตัวนำไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูง
- เลือกใช้วิธีการติดตั้งที่ดีที่สุด เช่น สายไฟควรอยู่ในท่อสาย ( Raceway )
4) ระบบไฟฟ้าจะต้องมีความคล่องตัวสูงและสามารถขยายโหลดได้ ( Maximum Flexibility and Expandability )
• ระบบไฟฟ้าต้องสามารถรับรองการเปลี่ยนแปลงได้
5. ประสิทธิภาพทางไฟฟ้าสูงสุด ( ค่าปฏิบัติการทางไฟฟ้าต่ำสุด ) Maximum Electrical Efficiency ( Minimum Operating Costs )
• อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ในระบบมีกำลังสูญเสียน้อย
• หม้อแปลงมีกำลังสูญเสียต่ำ
• มอเตอร์ประสิทธิภาพสูง
• บัลลัสต์ กำลังสูญเสียต่ำ
6) ค่าบำรุงรักษาที่ต่ำสุด ( Minimum Maintenance Cost )
• เลือกระบบที่ต้องใช้ค่าบำรุงรักษาน้อย
7) คุณภาพกำลังไฟฟ้าสูงสุด ( Maximum Power Quality )
• ไฟฟ้าที่ใช้
- ต้องมีคุณภาพดี
- แรงดันตกมีค่าน้อย
- กระแสและแรงดัน มีฮาร์โมนิกน้อย
9. มาตรฐานและข้อกำหนดต่างๆ แบ่งเป็นกี่อย่าง อะไรบ้าง
ตอบ 2 อย่าง คือ - มาตรฐานอุปกรณ์ไฟฟ้า
- มาตรฐานการติดตั้งระบบและอุปกรณ์ไฟฟ้า
10. มาตรฐานแต่ละอย่างอาจแบ่งออกเป็นกี่อย่าง อะไรบ้าง
ตอบ 2 อย่าง คือ
- มาตรฐานประจำชาติ ( National Standards )
- มาตรฐานสากล ( International Standards )
11. ลักษณะของมาตรฐานประจำชาติ คือ
• แต่ละประเทศร่างขึ้นภายในประเทศ
• ตรงกับอุตสาหกรรมภายในประเทศ
• วิธีปฏิบัติของตนเอง
• ตรงสภาวะภูมิอากาศ และสภาพแวดล้อม
12. มาตรฐานประจำชาติที่สำคัญ ได้แก่
ตอบ - ANSI ( American National Standard Institute ) ของประเทศสหรัฐอเมริกา
- BS ( British Standard ) ของประเทศสหราชอาณาจักร
- DIN ( German Industrial Standard ) ของประเทศเยอรมันนี
- VDE ( Verband Deutscher Elektrotechniker ) ของประเทศเยอรมันนี
- JIS ( Japanese Industrial Standard ) ของประเทศญี่ปุ่น
- มอก. ( มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ) ของประเทศไทย
13. มาตรฐานที่มีสมาชิกหลายประเทศ ได้แก่
ตอบ 1. ISO ( International Organization for Standardization )
2. IEC ( International Electrotechnical Commission )
3. EN ( European Standard )
14. มาตรฐานทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี คือ
ตอบ ISO ( International Organization for Standardization ) ใช้หน่วย SI
เช่น ISO 9000 , 9001 , 9002 ,14000
15. มาตรฐานทางด้านไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คือ
ตอบ IEC ( International Electrotechnical Commission ) เป็นมาตรฐานที่ร่วมมือกับ ISO อย่างใกล้ชิด และมาตรฐาน IEC ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
16. มาตรฐานของกลุ่มประเทศในยุโรป คือ
ตอบ EN ( European Standard )
- คณะกรรมการ CENELEC ( European Committee forElectrotechnical Standardization )
- มาตรฐาน EN เป็นมาตรฐานบังคับ
- จุดประสงค์ของมาตรฐานนี้ คือ ทำให้เกิดการค้าเสรี
17. มาตรฐานอุปกรณ์ไฟฟ้า ใช้มาตรฐานใดบ้าง
ตอบ ใช้มาตรฐาน IEC เช่น เซอร์กิตเบรกเกอร์ จะอ้างมาตรฐาน IEC 60947-2 “ Low Voltage Switchgear and Control Gear Part 2 ”
18. มาตรฐานอุปกรณ์ไฟฟ้าในการเขียนรายละเอียดข้อกำหนด ( Specification ) ใช้มาตรฐานใด
ตอบ ใช้มาตรฐานไทย ( มอก. ) และ IEC เป็นหลัก ไม่ควรใช้มาตรฐานประจำชาติของประเทศอื่น ยกเว้น อุปกรณ์ดังกล่าวไม่มีในมาตรฐานไทยและมาตรฐาน IEC
19. มาตรฐานการติดตั้งระบบและอุปกรณ์ไฟฟ้า ใช้มาตรฐานใดบ้าง
ตอบ - มาตรฐานต่างประเทศ
- มาตรฐานสากล
- มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย
20. มาตรฐานต่างประเทศในการติดตั้งระบบและอุปกรณ์ไฟฟ้า ได้แก่
ตอบ • NEC ( National Electrical Code ) ของประเทศสหรัฐอเมริกา มีครั้งแรกตั้งแต่ปี 1897 และมีแก้ไขปรับปรุงทุกๆ 3 ปีสมบูรณ์มาก NEC ได้แพร่เข้าประเทศไทยในช่วงสหรัฐอเมริกา มีฐานทัพในประเทศไทย NEC ทำจากประสบการณ์ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีข้อแตกต่างจากระบบที่ใช้ภายในประเทศไทย
ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศไทย
ความถี่ 60 Hz 50 Hz
ระบบไฟฟ้า 208/120V,480/277V 380/220V400/230V
สายไฟฟ้า AWG mm2
มิติ inch , feet m. , mm.
น้ำหนัก pound kg.
• NEC เป็นมาตรฐานที่ดีมาก
• แต่ เนื่องจากเป็นของสหรัฐอเมริกา
• ดังนั้น ต่อไปคงมีใช้เฉพาะใน